เมื่อ ‘ของเล่น’ นับล้านชิ้นมาอยู่รวมกัน ของเล่นจึงกลายเป็นของมีค่า อุดมไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ จากความมุ่งมั่นตั้งใจเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมาของ ‘อาจารย์เกริก ยุ้นพันธ์’ที่เริ่มสะสมของเล่นนานาชนิดเป็นกองพะเนิน ท่ามกลางความงุนงงและสงสัยของคนรอบข้าง ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่ของเล่นจะกลายเป็นการสรรสร้างที่ยิ่งใหญ่ แถมยังสำเร็จเสร็จเป็นรูปร่างอันสวยสดงดงามด้วยทุนรอนสะสมมาตลอดทั้งชีวิตของชายเพียงคนเดียว
“พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์” เปิดเป็นอย่างทางการไปเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2550 ถือเป็นของขวัญฉลองวัย 50 ที่น่ายินดี เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังรวมทั้งคนรุ่นเดียวกันและผู้สูงวัยได้ย้อนความทรงจำและยิ้มอิ่มเมื่อได้คิดถึงวันวาร รวมทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์โดยเลือกทำเลเมืองอยุธยาเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์
เริ่มสะสมเมื่อ 25 ปีก่อน
“อาจารย์เริ่มเก็บสะสมเมื่อตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เพราะเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงมีกิ๊บติดผม กล่องดินสอเยอะ เพื่อนบอกว่าเก็บมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ของเขาโน่นแน่ะ ซึ่งเราเห็นตอนนั้นก็รู้สึกว่าการเก็บของเก่านี่เท่ดี จากนั้นเราก็มาเห็นร้านขายของเก่าชื่อโมฮัมเหม็ด แถวๆ ศาลาเฉลิมกรุง ย่านเจริญกรุง ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้วเจ้าของร้านเป็นคนอินเดีย เป็นร้านขายของที่มีของเก่านำมาจากอินเดีย เยอรมัน อังกฤษ จะมีของเก่าประเภทสมุดทำมือ ซึ่งมีมาตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไม่ใช่เป็นของใหม่อย่างที่เข้าใจกันเลย ช่วงนั้นอาจารย์ก็ได้ใช้สมุดวาดเขียนที่เป็นสมุดทำมือด้วย
เก็บจริงจังก็ตอนที่เป็นครูอยู่ที่สวนกุหลาบเพราะอยู่ใกล้ท่าพระจันทร์ ใกล้คลองถม สามย่าน ตอนนั้นอายุประมาณ 23 ปี พอตอนอายุ 25 ปี ช่วงไปเป็นครูที่มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีก็เริ่มเก็บอย่างจริงจัง รวมแล้วก็เก็บมาประมาณ 25 ปี”
|
|
ไอเดียพิพิธภัณฑ์จากญี่ปุ่น
“เมื่อครั้งได้รับรางวัลที่ญี่ปุ่น เขาเชิญให้ไปรับรางวัลที่นั่นแล้วมีโอกาสได้ไปเห็นพิพิธภัณฑ์ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์เด็ก พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ของเล่นสังกะสี ฯลฯ พอเห็นอย่างนี้แล้วเราก็เริ่มคิดแล้วว่าการเก็บของเราต้องไม่ใช่เก็บเฉยๆ แต่จะเก็บเพื่อทำพิพิธภัณฑ์ ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นจะให้เป็นอย่างนั้น ความตั้งใจตั้งแต่ต้นทำให้เรามีความมุ่งหมาย มีเป้าหมายในชีวิต อยากให้ทุกคนตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ตั้งแต่ยังวัยรุ่นว่าโตขึ้นเราจะไปเป็นอะไร ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปตามขั้นตอนของมันเอง คนเราจะจำแนกความชอบของตัวเราเองได้ว่าชีวิตเราจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบเมื่อทำไปได้สักระยะ เราก็ยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนทัน
ดังนั้นถ้าเราไม่วางแผนตั้งแต่ต้น สักระยะหนึ่งของการทำงานเราจะรู้สึกเหนื่อย เบื่อ ขี้เกียจ เพราะความไม่ชอบ แต่ทำเพราะได้งาน ความจริงการทำงานของเรามันต้องเกิดจากความชอบและความสุขที่ได้ทำ ถึงแม้จะเหนื่อยเราก็จะไม่รู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก ถึงเบื่อเราก็จะไม่รู้ว่ามันเบื่อจริงจัง หรือล้าเราก็จะไม่รู้สึกว่าเราล้า พอเริ่มวันใหม่เราก็ทำงานต่อได้”
|
สะสมทุกสิ่งอย่าง
|
“ช่วงแรกเก็บของเล่นสังกะสีก่อน แล้วจากนั้นก็เริ่มเก็บสมุด ดินสอ เพราะคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเด็ก พอต่อมาก็เริ่มเป็นเหรียญ เข็ม ตรา ต่างๆ เห็นว่าต้องเก็บเพราะมันมีเรื่องราวที่ทำให้เด็กเรียนรู้ ที่เก็บได้เพราะตอนนั้นสิ่งของต่างๆ เหล่านี้มันไม่มีราคาค่างวด คนอื่นเขาจะเลือกเก็บแจกันกังไส ตู้โบราณ แต่อาจารย์เกริกเก็บของเล็กๆ น้อยๆ มันจึงกลายเป็นเรื่องตลกของคนที่เขาขายของให้ เขาจะว่าเราว่า “เล่นของไม่เป็น” แต่เรารู้ว่าตัวเราเก็บของอย่างมีจุดมุ่งหมาย
คนรอบข้างก็จะว่าเราเก็บขยะ เขาจะสงสัยว่าเราเอาเงินไปละลายทิ้งทำไม ทำไมไม่เก็บเงินเอาไว้ดีกว่า เอาไปซื้อที่ ซื้อบ้านจะดีกว่ามั้ย ทั้งๆ รายได้ที่ได้จากการเขียนภาพประกอบเราก็ได้เงินมากกว่าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน คนก็สงสัยว่าทำไมเราทำแบบนี้”
|
ที่มาชื่อพิพิธภัณฑ์
“อาจารย์เกริกทำงานแต่ละอย่างก็มีร้านขายหนังสือ พอมาทำพิพิธภัณฑ์ก็จะเป็นอะไรไปได้เล่า ก็ต้องเป็นพิพิธภัณฑ์ล้านชิ้น ชื่อนี้ได้มาจากอาจารย์ชีวัน วิสาสะ ที่เป็นเพื่อนกันเป็นคนเสนอ อาจารย์เลยถูกใจเพราะเป็นคำที่ลงตัวที่สุดและในชื่อภาษาอังกฤษก็มีคำว่า MILLION TOY มันก็เป็นคำที่เชิญชวนพอสมควร” |
|
|
|
เรียนรู้เรื่องราวจากสิ่งของ
“การเก็บของอาจารย์เกริกไม่ใช่แค่เก็บอย่างเดียวแต่เรามีการศึกษาด้วย ศึกษาพีเรียดของสิ่งของแต่ละชิ้น ศึกษาความเป็นของที่ต่างประเทศเข้ามาขาย เพราะของในหนังสือต่างประเทศเขายังมีการประมูลกัน แม้กระทั่งตัวมิกกี้เม้าส์ในช่วงแรกๆ ก็มีราคาค่างวด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เราเก็บของอย่างมีทิศทาง ของแต่ละชิ้นมันมีการบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ ถึงวิถีทางต่างๆ จะรู้ว่าสิ่งของแต่ละชิ้นนั้นอยู่ในสมัยนั้น สมัยนี้ เพราะด้วยความที่เราเรียนศิลปะด้วยเราจึงรู้ว่าของแต่ละชิ้นนั้นอยู่ในสมัยใด อย่างชามกระเบื้องแต่ละใบเราจะรู้เลยว่างานแบบนี้เป็นงานสมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้น ถ้าเป็นกระเบื้องเคลือบน้ำทอง จะเป็นยุคที่เฟื่องฟูสุดคือสมัยรัชกาลที่ 2 จึงกลายเป็นเรื่องที่เราศึกษาและเรียนรู้ไปโดยอัตโนมัติ และจากนั้นมันก็จะทำให้เรารู้ด้วยว่ารูปถ่ายขาว-ดำ เกิดในช่วงสมัยไหน”
อุดมด้วยของเล่นชิ้นเอก
“มีของเล่นดีๆ ในระดับโลก ชนิดที่ฝรั่งมาเห็นเราก็ไม่อายเขา เขาจะรู้สึกว่าเรามีของชิ้นดีๆ ที่เป็นของนักสะสม ดังนั้นถ้าเราอยู่ในโลกของคนที่สะสมของเล่น เราจะรู้ว่ามีของชิ้นเล่นที่เป็นชิ้นดี มีของเล่นที่เป็นพีเรียดทองของการสะสม
หุ่นยนต์ตระกูลโรบอต ถ้าเป็นหนังสือที่เป็น TOYS ตัวนี้จะต้องได้ขึ้นปกหนังสือแน่นอน สตีเฟ่น กรีนเบิร์ก เป็นคนที่จัดระบบพิพิธภัณฑ์ได้ดีมากคนหนึ่งของโลก อาจารย์มีโอกาสได้ฟังเขาพูดให้ฟัง ต่อจากนี้เราจะเดินทางต่อเพื่อให้งานในพิพิธภัณฑ์สมบูรณ์”
ราคาเข้าชมแค่ 20 กับ 50
“ราคานี้ถามว่าแพงมั้ย คนไทยจะรู้สึกว่าแพง แต่ในระยะเวลาที่เราทำมา มันไม่ใช่สิ่งที่แพง แต่มันเป็นความพอใจของคนที่เข้าชม ต้องบอกเลยว่าการพัฒนาตัวเองต้องพัฒนาอย่าหยุด ด้วยการหาอาหารที่อร่อยกิน หาหนังสือดีๆ อ่าน หาสถานที่ไปท่องเที่ยว และเข้าพิพิธภัณฑ์ ในขณะที่เราไปต่างประเทศ ไปดูพิพิธภัณฑ์ของคนอื่นเสียเงินตั้ง 400-500 บาท เราไม่รู้สึกอะไร ฝรั่งเข้าไปพิพิธภัณฑ์ไทย ไปดูวัดพระแก้วเสียเงิน 100 บาทฝรั่งถือว่าโชคดีที่ได้เข้าชมในราคาที่ถูกมาก
ถ้าเราให้ความสำคัญกับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และเปลี่ยนวัฒนธรรมความคิดเสียใหม่ คนจะรู้ว่าเป็นของมีค่ามากควรที่จะให้ความสนใจ สิ่งที่อาจารย์เกริกทำ ราคา 50 บาทสำหรับผู้ใหญ่ 20 บาท สำหรับเด็ก ถือว่าเป็นการปลูกความคิด ได้ประสบการณ์มวลรวม เปิดโลกทัศน์ใหม่ที่ทำให้คุณได้ตื่นเต้น ช็อกความรู้สึกที่ว่าของเล่นมาเป็นพิพิธภัณฑ์ได้อย่างไร และของที่สะสมผมกล้าพูดได้เลยว่าถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศนั้นราคาแพงกว่านี้แน่นอน ผมทำเพื่อคนไทย และคิดว่าราคานี้ถ้าใครจะตำหนิ ผมอยากให้เข้าไปดูก่อนแล้วจะรู้ว่าคุณควรจะให้ความสนับสนุนอย่างไร” |
|
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์ เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น ติดต่อสอบถามได้ที่ 035-328949-50 หรือที่ www.milliontoymuseum.com
มกราคม-กุมภาพันธ์ 52
วารสารหยดน้ำ
|