ท่านที่มีมรดกเป็นที่ดินเยอะๆคงไม่สบายใจกับมาตรการรีดภาษีของรัฐบาล ที่จะออกกฎหมายเก็บภาษี “มรดก-ที่ดิน” ความจริงเกี่ยวกับภาษี มรดก-ที่ดิน ก็มีการพูดกันมาทุกรัฐบาลแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ที่ไม่สำเร็จไม่พราะประชาชนเดินขบวนคัดค้านหรอกครับ
แต่เพราะนักการเมืองเองนั้นละที่คัดค้านกันเอง จะไม่ให้คัดค้านอย่างไรละครับ ก็ทุกครั้งที่มีการเปิดกรุสมบัติแสดงบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ไม่ว่าเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจของประเทศจะตกต่ำแค่ไหน แต่ทรัพย์สินของนักการเมืองไม่เคยลดมีแต่เพิ่ม อาชีพนักการเมืองจึงเป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุดในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
ดังนี้เมื่อภาษีมรดก-ที่ดิน กระทบต่อนักการเมืองโดยตรง และผู้ที่จะยกมือให้ผ่านกฎหมายนี้ได้ก็คือนักการเมือง แล้วแบบนี้กฎหมายฉบับนี้จะผ่านได้หรือ จริงไหมครับ!!!
|
แต่สำหรับผู้ที่มีที่ดินเยอะๆและไม่ได้ทำประโยชน์หรือดูแลไม่ทั่วถึงนั้น มีสิ่งที่ต้องระวังมากกว่าเรื่องของภาษี มรดก-ที่ดินก็คือ กรณีที่มีผู้ที่ไม่ได้รับเชิญเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินของเรา หากการเข้าไปใช้ประโยชน์นั้นไปเข้าเงื่อนไขของกฎหมายแล้ว จะทำให้ผู้ที่ไม่ได้รับเชิญดังกล่าว ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของเราโดยไม่ต้องจ่ายเงินให้เราสักบาท การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินเช่นนี้ ภาษากฎหมายเรียกว่า “การครอบครองปรปักษ์” |
การครอบครองปรปักษ์ หมายถึง การเข้าไปแย่งการครอบที่ดินที่มีโฉนดของบุคคลอื่น โดยมีเจตนาเอาที่ดินที่ครอบครองเป็นของตนเอง ถ้าได้ครอบครองโดยสงบ และเปิดเผยเป็นระยะเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบปีขึ้นไป
|
ฉะน้นถ้าผู้ใดได้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นเข้าตามเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการครอบครองปรปักษ์แล้ว จะทำให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินของผู้อื่นนั้น เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ทันที |
|
ตัวอย่างเช่น นายสมชายมีที่ดินมีโฉนด เป็นที่นาจำนวน 50 ไร่ อยู่ที่จังหวัดเชียงราย ด้วยที่นายสมชาย มีที่ดินหลายแปลงประกอบที่ดินดังกล่าวยังเป็นท้องไร่ท้องนา นายสมชายจึงไม่ได้สนใจไม่ได้เข้าไปดูแล ปรากฎว่า ขณะนั้นมี นายเจ๋งและภรรยาสาว ต้องการหาที่ทำกินเพื่อเลี้ยงครอบครัว เห็นว่าที่ดินของนายสมชายว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไร และนายนายสมชายไม่เคยมาดูแล จึงได้เข้าทำนาในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยบอกกับทุกคนว่าตนเองเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว และได้ทำนาในที่ดินดังกล่าวเลี้ยงภรรยาสาวจนมีลูกๆหลายคน โดยไม่เคยทิ้งไปใหน เป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสิบปี |
ต่อมาปรากฎว่า ที่ดินแถวจังหวัดเชียงราย มีราคแพงขึ้น นายสมชายนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่จึงได้เดินทางไปดูที่ดินตนเอง ปรากฎว่าไปเจอกับนายเจ๋ง และครอบครัวกำลังทำนาอยู่บนที่ดินดังกล่าว นายสมชายบอกให้นายเจ๋งออกจากที่ดิน แต่นายเจ๋งอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วโดยการ “ครอบครองปรปักษ์” |
กรณีตามตัวอย่างข้างต้นนั้น เห็นได้ว่า การที่นายเจ๋งเข้าครอบครองที่ดินของนายสมชายนั้น เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วย “การครอบปรปักษ์” นายสมชายไม่ใช่เจ้าของที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป จึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายกับนายเจ๋งและครอบครัวได้ นายสมชายจำต้องเสียที่ดินให้แก่นายเจ๋งและครอบครัวโดยไม่ได้ขาย และนายเจ๋งก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมาโดยไม่ต้องชื้อ ได้มาแบบฟรีๆ |
คงรู้แล้วนะครับว่า ภาษีที่ดิน-มรดกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่การที่ไม่ดูแลที่ดินตนเองจนมีผู้เข้าไปครอบครองปรปักษ์นั้นมันน่ากลัวกว่าใช่มั๊ยครับ และสำหรับผู่ที่มีที่ดินหลายๆแปลงโดยเฉพาะมีที่ดินในต่างจังหวัด หากไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินก็ควรหมั่นไปดูแลนะครับ จะได้รู้ว่ามีใครที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินของเราหรือไม่ |
หรือแม้ว่าเราจะให้คนดูแลแทนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นให้ทำกินในที่ดิน หรือให้เช่าก็ดี ก็ควรทำสัญาไว้ให้ชัดเจนว่า ผู้ที่เข้ามาทำประโยชน์นั้นเข้ามาโดยอาศัยสิทธิของเรา ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันผู้ที่ครอบครองที่ดินแทนเรานั้น จะอ้างการครอบครองปรปักษ์ เท่านี้ก็ถือว่าเรายังดูแล และทำประโยชน์ในที่ดิน ทำให้เราไม่ต้องเสียภาษี ที่ดิน-มรดก และไม่ต้องเสียที่ดินให้คนอื่นฟรีๆ |
ท้ายนี้ขอฝากคำคมที่ว่า “เสียภาษีเรื่องเล็ก แต่เสียแปลงเล็กเรื่องใหญ่” 5555555555!!!!! ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกันหรือเปล่า แต่ขอให้ท่านผู้อ่านคิดให้เป็นเรื่องเดียวกันก็แล้วกันนะครับ!!! |