ส.ก.สุไหง แสวงสุข
ด้วยเพราะเป็นคนพื้นที่เขตทวีวัฒนามาแต่ดั้งเดิม มีความคุ้นเคยและใช้ชีวิตอยู่ในละแวกนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้ เมื่อ ส.ก.สุไหง แสวงสุข คิดจะทุ่มเทลงรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร แน่นอนว่าย่อมต้องช่วยเหลือประชาชนคนใกล้ชิดก่อนเป็นอันดับแรก และขณะนี้ท่านได้ทำหน้าที่อย่างที่ตั้งใจไว้เป็นปีที่ 12 แล้วและยังวางรากฐานสู่รุ่นลูกอีกด้วย
“ผมเองเป็นคนพื้นที่เขตทวีวัฒนา อยู่ตั้งแต่ละแวกนี้เป็นท้องทุ่ง ยังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้ ถนนหนทางยังเต็มไปด้วยทุ่งนา สวนชาวบ้าน ผมเองก็เป็นชาวสวน พ่อแม่หรือคนในครอบครัวไม่มีใครคิดจะเป็นเหมือนผม ถือเป็นคนแรกของครอบครัวที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ด้วยความที่เป็นคนชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ใครมีความทุกข์ร้อนอะไรก็จะมาหา เราก็ช่วยเหลือเขาไป ถือว่าเขาต้องมีความเดือดร้อนจึงมาหา พอนานวันเข้าก็มีพรรคการเมืองต่างๆ มาทาบทาม ในระยะแรกๆ ผมเองไม่สนใจเพราะถือว่าไม่จำเป็นต้องไปหาเสียงอะไร
เว้นระยะไปหลายปีทีเดียวก็เริ่มสนใจในนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีแนวทางชัดเจน ทำให้เริ่มเข้าไปศึกษามากขึ้น และเมื่อปี 2539 จึงเริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เขตทวีวัฒนา หลังจากนั้นก็ได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร เป็นระยะเวลา 12 ปีมาแล้ว”
หน้าที่ของ ส.ก. และ ส.ข.
หลายคนยังไม่เข้าใจว่าบทบาทและหน้าที่ของ ส.ก. กับ ส.ข. นั้นมีความเหมือนหรือว่าแตกต่างกันอย่างไร หน้าที่ของ ส.ก. นั้นมีส่วนในการผลักดันและของบประมาณมาพัฒนาพื้นที่ ซึ่งหน้าที่ของ ส.ก.ก็คือมีหน้าที่เสนอและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พิจารณาและให้ความเห็นชอบในร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งเป็นการพิจารณางบประมาณทุกหน่วยงานของกรุงเทพมหานครที่ฝ่ายบริหารตั้งมาว่ามีเหตุผลเหมาะสมอย่างไร และจะเพิ่มหรือลดให้เป็นไปตามกระบวนการของการออกข้อบัญญัติ ควบคุมการบริหารงานของฝ่ายบริหาร
ส่วน ส.ข. นั้นมีหน้าที่ให้ข้อคิดเห็นและข้อสังเกตเกี่ยวกับแผนพัฒนาเขตต่อผู้อำนวยการเขต และสภา กทม. การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาเขตตามที่กำหนดในข้อบัญญัติ กทม. ว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรืองบประมาณรายจ่าย การสอดส่องและติดตามดูแลการดำเนินการของสำนักงานเขต เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎร การให้คำแนะนำหรือข้อสังเกตต่อผู้อำนวยการเขตเกี่ยวกับการปรับปรุง หรือแก้ไขการบริการประชาชนในเขต หากผอ.เขตไม่ดำเนินการใด ๆ โดยไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบให้สภาเขตแจ้งให้ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณา ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ส.ข. ยังมีหน้าที่ให้คำปรึกษาตามที่ผู้อำนวยการเขตร้องขอ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกระทำกิจการหรือพิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องใดๆ อันเกี่ยวกับการงานของสภาเขต ทั้งนี้ตามที่กำหนดในข้อบัญญัติ กทม. ว่าด้วยการนั้น รวมทั้งมีหน้าที่อื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎหมายหรือที่สภา กทม. มอบหมาย
ผลงานอันภาคภูมิ
“คลองสวยน้ำใสที่เขตทวีวัฒนา โดยการของบประมาณมาปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามน่ามอง โดยทำราวสแตนเลสล้อมรอบพื้นที่ ปลูกต้นไม้โดยรอบ และสะพานข้ามคลองทวีวัฒนา นอกจากนี้ยังมีสวนป่า สวนสาธารณะ พุทธมณฑลสาย 2 โดยการขอพื้นที่จากกรมทางหลวง ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่รกร้าง ไม่ได้จัดให้เป็นระบบระเบียบอย่างทุกวันนี้ แต่ว่าตอนนี้จะมีลู่วิ่ง เป็นสถานที่ออกกำลังกายให้กับประชาชนในละแวกนี้ได้มีอากาศบริสุทธิ์
ที่ผ่านมาเคยเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทวีวัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการการจราจร ขนส่งและการระบายน้ำ ทำให้การขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ได้รับความร่วมมืออย่างดี และยังทำหน้าที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง และคณะกรรมการการจราจร ขนส่ง และการระบายน้ำ
เคยเสนอญัตติด้วยวาจาเรื่องขอให้สภากรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาและกำหนดแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน ซึ่งประธานสภากรุงเทพมหานครสั่งบรรจุเป็นระเบียบวาระที่ 7 แต่ผมเสนอให้เลื่อนเป็นระเบียบวาระที่ 3 เนื่องจากเกรงว่าหากล่าช้าจะไม่ทันต่อสถานการณ์น้ำท่วม
สุดท้ายที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เลื่อนญัตติด้วยวาจาขึ้นเป็นระเบียบวาระที่ 3 ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปรากฏการณ์เช่นนี้สักเท่าไร ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทันเวลา”
วางแผนผู้สานต่อเจตนารมณ์
“ปีนี้ผมยังเหลือวาระในการทำหน้าที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเพียงไม่ถึงปี ก็จะทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด และที่ผ่านมาลูกชาย ประเวช แสวงสุข ก็ได้เข้ามาศึกษางานเบื้องต้นในฐานะคณะกรรมการ ทำให้ได้เรียนรู้ระบบ ระเบียบ การทำหน้าที่เป็นอย่างดี และผมเองก็ได้สอบถามความสมัครใจของลูกชาย ซึ่งเขาเองก็อยากมีส่วนในการพัฒนาเขตทวีวัฒนาถิ่นบ้านเกิดให้มีความเจริญมากขึ้นไปอีก”
นี่คือเจตนารมย์ของผู้เป็นพ่อ ที่มีความหวังดีต่อผู้เป็นลูกรวมทั้งความห่วงใยที่มีต่อประเทศชาติ ซึ่งจากนี้ไป คุณสุไหง ได้วางแผนในชีวิตไว้กับความสุขแบบพอเพียงไว้ว่า
“หลังจากที่ผมวางมือตรงนี้แล้วก็อยากให้ลูกได้สานต่อ เพราะเขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง ส่วนผมอาจจะไปให้คำปรึกษาเขาอยู่เบื้องหลัง และจะกลับไปใช้ชีวิตในสวน ในไร่ ไปปลูกผัก ซึ่งทุกวันนี้หลังจากเลิกงาน หรือว่าวันไหนที่ไม่มีประชุม ผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่เข้าสวน ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ผมเองเป็นคนธรรมดา เวลาอยู่บ้านก็ปรกติ เหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อไรที่ต้องเข้าไปทำหน้าที่ในสภา ก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเช่นกัน”
วารสารหยดน้ำ
ฉบับเดือนกันยายน - ตุลาคม 2552
|