งานแรกที่ทำคือ รอง สว.จร. สน.ดอนเมือง ดูแลงานด้านการจราจร ต่อมาเป็น รอง.สว.ป. สน.บางเขน และเป็นรอง สว.สส.สน.บุปผาราม รอง ผกก.สส. สน.พลับพลาไชย 2 รอง ผกก.สส. สน.ชนะสงคราม และได้มีโอกาสทำหน้าที่ดูแลงานจราจรอย่างจริงจัง เมื่อได้รับตำแหน่ง ผกก. จราจรโครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นงานที่ผมมีความภาคภูมิใจยิ่ง 

จากนั้นจึงเป็น ผกก.สน.พลับพลาไชย 1 และผกก.สน.สามเสน ซึ่งในสมัยที่ทำหน้าที่เป็น ผกก.สน.สามเสน ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้มาถวายความปลอดภัยให้กับในหลวง ที่สวนจิตรลดา และที่พระราชวังไกลกังวล และยังเป็นนายตำรวจราชสำนักเวรประจำพระองค์ ทำหน้าที่ถวายงานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เป็นเวลา 2 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.น.9

      ช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองบังคับการฯ ได้รับมอบหมายจากพล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ให้ดูแลงานสอบสวน และงานบริหาร จึงมีโอกาสได้พัฒนางานด้านสอบสวนโดย ผกก.ทุกสถานีตำรวจซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน รวมทั้งยังมีฝ่ายอำนวยการเข้ามาช่วยเสริมทีมให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้คดีคั่งค้างต่างๆ ในปี 2551 ทั้ง 10 สน.ในความรับผิดชอบของ บกน.9 นั้นหมดไป

มาถึงสมัย พล.ต.ต.ปราโมทย์ ปทุมวงศ์ ผบก.น.9 มีปัญหาเกี่ยวกับนักเรียนทะเลาะวิวาทต่างสถาบันและทำร้ายกัน ได้มีการร่วมมือกับผู้กำกับฯ ของแต่ละสน. จัดฝึกอบรมนักเรียน โรงเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทต่างสถาบัน เช่น สน.หลักสอง สน.บางบอน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษา ผกก.ในสังกัด บกน.9 และคณะทำงาน ทำให้งานทุกอย่างประสบความสำเร็จปัญหาลดน้อยลงไป จนมาถึงสมัยของท่าน พล.ต.ต.สักกฉัฐ กิตติขจร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ได้มอบหมายงานด้านการจราจรให้ดูแล

สำหรับงานในหน้าที่หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้นทำหน้าที่เปรียบเสมือนพ่อบ้านดูแลสารทุกข์สุขดิบของทีมงานทุกคนตลอดจนข้าราชการตำรวจและครอบครัวในสังกัดนครบาล รวมทั้งความเรียบร้อยทุกเรื่องในสำนักงาน ต้องรู้ว่าวันนี้มีงานอะไรที่สำนักงาน มีผู้ใหญ่มาประชุมที่สำนักงานเราก็ต้องเตรียมการต้อนรับให้เรียบร้อย การได้รับมอบหมายงานดังกล่าวอาจเป็นเพราะท่านเห็นว่าผมมีความคล่องตัวสูง รู้จักกับผู้ใหญ่ ผู้กำกับฯ รองผู้กำกับฯ และสามารถประสานงานกับผู้อื่นได้ดี และคอยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตำรวจสามารถทำหน้าที่ดูแลประชาชนได้เป็นอย่างดี

      ในช่วงที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้นผมได้มีโอกาสอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ของประเทศ ซึ่งไม่อาจลืมได้ เหตุการณ์แรกคือการเผาสน.นางเลิ้ง เมื่อปี พ.ศ.2535 พฤษภาทมิฬ เหตุการณ์ที่สองทำการสลายการชุมนุมที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2549 ต้องทำหน้าที่คุ้มกันบ้านองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผกก.สน.สามเสน และครั้งล่าสุดคือ ควบคุม 9 แกนนำ นปช.เมื่อครั้งที่ผ่านมา ต้องใช้วาทศิลป์และศิลปะในการเจรจาอย่างมาก ต้องใช้มันสมองควบคุมสถานการณ์ให้ได้

ช่วงนั้นผมทุ่มเทให้กับงานอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงกับบุคคลสำคัญของชาติ และล่าสุดเมื่อเป็นรอง ผบก.น.9 ทำหน้าที่คุมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนเพื่อยุติเหตุการณ์ความวุ่นวายที่รัฐสภาในสมัยท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ปี พ.ศ.2551

      “ภรรยาผมชื่อคุณสุดทนา กลั่นบุศย์ ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดปทุมธานี แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีบุตรชาย 2 คน นายอัศม์เดช กลั่นบุศย์ อายุ 19 ปี เกิดที่เมือง St.Louis รัฐMissouri คนที่สองนายชุติมันต์ กลั่นบุศย์ อายุ 15 ปี เกิดที่เมืองChicago รัฐ Illinois บางครั้งภรรยาผมต้องไปดูแลลูกอยู่ที่อเมริกา เพราะลูกๆ กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัยและไฮสคูล เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องดูแลเขาให้ดี และได้รับความอบอุ่นมากที่สุด การที่ครอบครัวดำเนินชีวิตเช่นนี้ แน่นอนว่าความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้ผมได้ทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่”เมื่อครอบครัวสมบูรณ์

ฉะนั้นเป้าหมายในการทำงานของท่านจึงชัดเจนโดยเฉพาะการทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ให้สมกับความตั้งใจที่มีมาตั้งแต่วัยเยาว์ “ที่ผมวางแผนการทำงานต่อจากนี้คือการมีที่ปรึกษากฎหมายประจำชุมชน รวมทั้งโครงการที่เกี่ยวกับการจราจรนั่นคือโครงการขับ รถดี มีน้ำใจ ให้อภัยเพื่อนร่วมทาง ซึ่งผมจะทำให้พื้นที่ของ บกน.9 เป็นโครงการนำร่องโดยจะทำการปลูกจิตสำนึกให้เป็นชุมชนสีขาวกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล” นี่คือหนึ่งในเป้าหมายในการทำงานของนายตำรวจ ผู้ทำทุกอย่างเพื่อความสงบสุขของประชาชนอย่างแท้จริง''

 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2552
วารสารหยดน้ำ