ตรุษจีน เทศกาลแห่งความมีโชค
ReadyPlanet.com
dot


  [Help]
dot
Greenway Station
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
Greenway Member
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot


ตรุษจีน เทศกาลแห่งความมีโชค

สิงโต สัญลักษณ์แห่งความมีโชค

  การเชิดสิงโตมงคลกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลรื่นเริงต่างๆ ของจีน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปัดเป่าวิญญาณร้ายและพลังงานที่ไม่ดีออกไป พร้อมทั้งดึงดูดโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา มีตำนานมากมายเล่าถึงที่มาของการเชิดสิงโตจีน และตลอดเวลาหลายร้อยปี ลักษณะของสิงโตที่ใช้เชิดรวมทั้งท่วงท่าในการกระโดดและโผนทะยานของสิงโตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

  ทุกวันนี้การเชิดสิงโตก็ยังคงเป็นที่ติดตรึงใจผู้คนมากมาย และคณะสิงโตก็มักจะถูกเชิญ หรือว่าจ้างให้ไปเฉลิมฉลองในโอกาสแห่งความสุขต่างๆ พร้อมกับลูกหลานชาวจีนที่มีสำนึกในวัฒนธรรมอยู่ทั่วโลก


      สำหรับในประเทศไทยสิงโตได้เข้ามาในรัชสมัยของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งชาวจีนในสมัยนั้นได้เข้ามาค้าขายในแผ่นดินสยามและเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาชาวจีนเหล่านั้นได้ทำสิงโตมาเชิดแสดงต่อหน้าพระที่นั่งให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทอดพระเนตร เพราะความเชื่อของชาวจีนเชื่อว่าผู้ใดได้ชมการเชิดสิงโตจะมีโชคลาภ เจริญรุ่งเรืองเป็นสิริมงคล นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการแสดงสิงโตก็ได้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 400 กว่าปีแล้ว

กีฬาการเชิดสิงโต

ทุกวันนี้การเชิดสิงโตได้พัฒนากลายเป็นรูปแบบของการกีฬา ที่ผู้เชิดจากทั่วโลกมาแข่งขันกันเพื่อตัดสินความเป็นที่หนึ่ง การเชิดสิงโตนำมาซึ่งการสอดประสานที่สมบูรณ์แบบ ความสง่างาม และความกล้าหาญ โดยทั่วไปแล้วคนเชิดทั้งสองจะต้องทำให้ สิงโตมีชีวิต คนหนึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนหัว ตา และปาก ส่วนอีกคนหนึ่งแสดงท่วงท่าของร่างกาย คนเชิดคนแรกที่ควบคุมส่วนหัวจะเป็นผู้ตัดสินการเคลื่อนไหว ในขณะที่คนที่สองจะต้องเคลื่อนไหวให้ประสานกับคนแรก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะหัวสิงโตซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยพู่ ขน และสิ่งตกแต่งที่แวววาวนั้น มีน้ำหนักตั้งแต่ 9 ถึง 15 กิโลกรัม ซึ่งเป็นภาระที่หนักมากที่จะเชิดให้สูงขึ้นไปบนอากาศ พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา

 

หัวสิงโตโดยทั่วไปแล้วเป็นงานปะกระดาษเปเปอร์มาเช่และไม้ไผ่ เข้ารูปเสร็จสมบูรณ์พร้อมกับดวงตาที่กะพริบได้ และปากที่หุบงับได้ ดังนั้น คนเชิดคนแรกจะต้องสามารถควบคุมให้เกิดความสอดประสานที่สมบูรณ์แบบพร้อมๆ กับรับน้ำหนักของหัวสิงโตไว้ด้วยมือของตัวเอง

 

ประวัติความเป็นมาของสิงโตส่วนการแสดงสิงโตในเมืองไทยที่นิยมแสดงมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดแบบโบราณ การแสดงแบบกายกรรมต่อตัวและปีนกระบอกไม้ไผ่ ที่เรามักเห็นกันทั่วไป ซึ่งการแสดงเชิดสิงโตในประเทศจีน คณะสิงโตจะสังกัดค่ายมวยเพราะผู้แสดงต้องฝึกวิชากังฟู เนื่องจากผู้เชิดจะต้องแสดงลีลาประกอบการเคลื่อนไหว ท่วงท่าของวิชามวยจีน ช่วงล่างต้องมีความแข็งแกร่ง ส่วนในเมืองไทยสิงโตไม่ได้สังกัดสำนักมวยเหมือนอย่างประเทศจีน แต่จะขึ้นอยู่กับศาลเจ้าบ้าง วัดบ้าง การฝึกสอนก็อาศัยจากรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง 

 

ในปัจจุบันการเชิดสิงโตได้มีการพัฒนาขึ้นอีกประเภทหนึ่ง ได้แก่ การเชิดสิงโตบนเสาดอกเหมย ซึ่งเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแถบเอเซีย อาทิ ประเทศจีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง รวมทั้งประเทศไทยด้วย ในปัจจุบันการแสดงเชิดสิงโตบนเสาดอกเหมยถูกปรับให้เป็นกีฬาแล้วและถูกบรรจุในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์และกีฬาแห่งชาติ


 

ประเภทของการเชิดสิงโต 
สำนักเชิดสิงโตนั้นมีสองสำนักคือ สำนักเชิดสิงโตเหนือ และสำนักเชิดสิงโตใต้

      การเชิดสิงโตแบบเหนือ โดยทั่วไปจะเชิดเพื่อความบันเทิงในราชสำนัก โดยปกติแล้วสิงโตเหนือจะมีสีแดง ส้ม และเหลือง (และบางครั้งก็มีขนสีเขียวสำหรับสิงโตตัวเมีย) ลำตัวมีขนยาวรุงรัง และมีหัวสีทอง การเชิดสิงโตแบบเหนือจะมีลักษณะเป็นกายกรรม และใช้แสดงเพื่อความสนุกสนานเป็นหลัก 
     
การเชิดสิงโตแบบทางตอนใต้ จะออกมาในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า โดยทั่วไปจะแสดงในพิธีกรรมเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย และเรียกโชคลาภมาให้ สิงโตใต้จะมีสีที่หลากหลาย รวมทั้งส่วนหัวที่มีลักษณะเฉพาะและมีดวงตาใหญ่ มีกระจกบนหน้าผาก และที่กลางศีรษะมีเขาหนึ่งเขา ถิ่นกำเนิดของสิงโตใต้อยู่ที่มณฑลกวางตุ้ง เชื่อกันว่าสิงโตมีเขาของทางใต้ก็คือปีศาจเหนียน

               โฝซาน คือชื่อเรียกรูปแบบที่สำนักกังฟูหลายแห่งนำมาใช้ ซึ่งเป็นแบบที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวอันทรงพลัง และท่วงท่าที่แข็งแกร่ง สิงโตจึงกลายเป็นตัวแทนของสำนักกังฟู และจะมีแต่ศิษย์ที่มีฝีมือในระดับสูงเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เชิดสิงโตได้

สิงโตสามประเภทที่มีชื่อเสียงก็คือ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ทั้งสามนี้คือ ตัวละครในประวัติศาสตร์จีนที่บันทึกไว้อยู่ในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง สามก๊กนั่นเอง เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เป็นพี่น้องร่วมสาบานที่ได้ให้ปฏิญาณร่วมกันว่าจะกอบกู้ราชวงศ์ฮั่น

สิงโตเล่าปี่ เป็นผู้อาวุโสที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง มีใบหน้าสีทอง พร้อมกับเคราและขนสีขาว เพื่อสื่อถึงความเฉลียวฉลาด ส่วนหางนั้นมีหลายสีซึ่งรวมสีของธาตุทั้งห้าเอาไว้ เพื่อสื่อถึงการมีอำนาจควบคุมธาตุทั้งห้า

สิงโตกวนอู มีใบหน้าสีแดง ขนสีดำ และมีเครายาวสีดำ ส่วนหางมีสีแดงขลิบดำ กวนอูเป็นน้องคนรองและจะสวมเหรียญสองเหรียญไว้ที่ปลอกคอ สิงโตประเภทนี้รู้จักในชื่อว่า สิ่ง ซือซึ่งมีความหมายว่า สิงโตผู้ตื่นตัวโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะนิยมใช้สิงโตกวนอูกันมากที่สุด

สิงโตเตียวหุย มีใบหน้าสีดำ และมีเคราสั้นสีดำ ที่หูทั้งสองข้างประดับดอกไม้ และมีขนสีดำ หางสีดำขลิบขาว เนื่องจากเป็นน้องคนเล็กสุด จึงมีเหรียญหนึ่งเหรียญติดที่ปลอกคอ สิงโตเตียวหุยถือว่าเป็นสิงโตนักสู้ เพราะเตียวหุยเป็นคนมุทะลุ ใจร้อน และรักการต่อสู้ สิงโตประเภทนี้เป็นสิงโตในดวงใจสำหรับนักธุรกิจ

ต่อมาก็มีสิงโตอีกสามแบบเพิ่มเข้ามา สิงโตหน้าเขียวคือ ตัวแทนของจูล่ง (เจ้าจื่อหลง) สิงโตตัวนี้ถูกเรียกว่าสิงโตวีรบุรุษ เพราะว่ากันว่าเขาเป็นผู้ที่ขี่ม้าฝ่ากองทหารนับพันของโจโฉเข้าไปช่วยเหลือบุตรของเล่าปี่ และต่อสู้กลับออกมา

สิงโตสีเหลืองแทนฮองตง (หรือหวงจง) ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นสิงโตนักสู้ยอดคุณธรรม

      สิงโตขาวคือ ม้าเฉียว (หรือหม่าเฉา) สิงโตตัวนี้ยังรู้จักในชื่อว่าสิงโตงานศพ สิงโตประเภทนี้จะไม่นำมาเชิด ยกเว้นสำหรับพิธีศพของอาจารย์ (ซือฟู) หรือหัวหน้าคนสำคัญของคณะ ซึ่งในกรณีเหล่านี้ ก็จะทำการเผาสิงโตหลังจากเสร็จพิธี  ปัจจุบันผู้คนจะชื่นชอบการเชิดสิงโตสีทอง หรือสีเงินมากกว่า เพราะสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่ง



 
      เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนถือเป็นวันดีแห่งการเริ่มต้นใหม่  และคณะสิงโตที่จัดว่าเป็นแถวหน้าในเมืองไทยนั่นคือ คณะสิงโตลูกท้าวมหาพรหม หนึ่งใน 50 คณะสิงโตที่มีอยู่ทั่วประเทศ

   สมชาย ชาวอุบล หัวหน้าคณะวัย 35 ปี หนุ่มเลือดไทยแท้ 100% ผู้ก่อร่างสร้าง คณะสิงโตลูกท้าวมหาพรหม ให้เป็นที่รู้จักด้วยการครองแชมป์ติดต่อกันถึง 5 สมัย ผู้รักการเชิดสิงโตเป็นชีวิตจิตใจ ก่อตั้งคณะนี้ขึ้นมาเมื่อ 19 ปีที่ผ่านมา โดยมีญาติสนิทมิตรสหายจากคนในครอบครัวและชาวบ้านในชุมชนตลาดพลูเป็นลูกคณะ

 

หลงเสน่ห์ สิงโต
         แรกเริ่มเดิมทีผมเป็นลูกน้องคณะสิงโต แต่ว่าพ่อไม่ชอบที่จะให้ลูกชายเล่น พ่อจะให้ตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่า ไม่อยากให้ไปทำอย่างอื่น แต่ผมก็เลือกที่จะไปเล่นสิงโต โดยเริ่มฝึกตั้งแต่การต่อตัว 2 คน เป็นลูกน้องเขา ฝึกจนเล่นเป็นทุกตัวในคณะสิงโต ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่าชอบสิงโตมาก ให้ไปทำอย่างอื่นคงไม่เอา ปักหลักทำงานอยู่นานถึง 20 ปี จนวันหนึ่งเมื่อชีวิตมันมีการเปลี่ยนแปลง ผมรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ ด้วยเรื่องค่าแรง เพราะเราทำงานทุกอย่าง เล่นเป็นทุกตัว แต่ได้ค่าแรงวันละแค่ 100 บาทเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นแทบไม่ได้ทำอะไรกลับได้ค่าแรงวันละ 2,000 บาท มันจึงถึงจุดเปลี่ยนที่เราออกมาทำเอง ออกมาตั้งคณะเอง

 

จุดเริ่มต้นความมีชื่อเสียง

      ก่อนหน้านี้ความรู้สึกของคนทั่วไปจะรู้สึกว่าพวกเชิดสิงโตเป็นพวกกุ๊ย พวกขี้ยา เราจึงต้องการเปลี่ยนภาพเดิมๆ เหล่านั้น ผมจะสอนเด็กๆ เสมอว่าอย่าไปยุ่งกับยาเสพติด ต้องมีระเบียบวินัย จนเมื่อปี 2538 เราไปแข่งขันเชิดสิงโตที่เดอะมอลล์บางแค รายละเอียดในการแข่งขันนั้นเราจะต้องทำตามกติกาที่คณะกรรมการกำหนด เช่นมีท่าบังคับท่าสิงโตออกจากถ้ำ สิงโตขึ้นโต๊ะซึ่งเปรียบกับการขึ้นภูเขา สิงโตกินผัก สิงโตกินส้มเปรียบกับการได้แก้วสารพัดนึก มีการต่อตัว 2 คน 4 คน และขึ้นไม้ไผ่บนความสูง 4 เมตร ใช้เวลาในการแสดงแต่ละครั้งในเวลาครึ่งชั่วโมงจากสิงโตทั้งหมด 30 คณะ ปรากฎว่าเราได้ตำแหน่งที่ 5

จากนั้นในปีถัดมาเราฝึกซ้อมมากขึ้น พัฒนาฝีมือมากขึ้น แล้วก็คว้าตำแหน่งแชมป์ทำให้คณะของเราเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จากวันนี้ถึงวันนี้ผมว่า คณะสิงโตนั้นอยู่ที่ความพร้อมเพรียง ความแข็งแกร่ง และความสวยงาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องมีการฝึกซ้อมอย่างดี ส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะสิงโตเรามีพัฒนาคือการได้ไปเก็บประสบการณ์จากเมืองจีน และหลายครั้งที่เราคนไทยมีโอกาสไปสอนคนจีนเชิดสิงโตด้วยเหมือนกัน

 

ทีมงานพรั่งพร้อม

     มีลูกหลานและเด็กๆ ในซอยเทอดไท 22 ประมาณ 30 กว่าคนที่เป็นตัวเล่นยืนพื้น ผู้เล่นของเรามีทั้งชาย-หญิง เพราะเรามีความคิดว่าคณะสิงโตไม่จำเป็นต้องมีผู้เล่นที่เป็นชายเท่านั้นซึ่งจะเป็นการช่วยให้เขามีงานทำ ไม่ต้องไปทำในสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้คนในซอยมีรายได้เพิ่ม บางคนมีงานประจำแล้วก็มาฝึกเพิ่มเติม มีเวลาว่างก็มารับงานด้วยกัน แต่ถ้าเป็นงานใหญ่เราจะใช้ทีมงานทั้งหมด 100 คน สามารถเรียกมาร่วมงานกันได้ทันที งานของเราที่มีส่วนใหญ่เกิดจากลูกค้าบอกต่อกันปากต่อปาก ไม่เคยโปรโมท ไม่เคยประชาสัมพันธ์

 

งานล้นเทศกาลตรุษจีน

     ในแต่ละเดือนที่ไม่ใช่ช่วงตรุษจีนเราจะมีงานเฉลี่ยเดือนละประมาณ 10 งาน รับงานทุกที่ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด ถ้าเป็นงานในกรุงเทพอยู่ที่ราคา 8,000 บาท ต่อครึ่งชั่วโมง ถ้าเป็นงานการกุศลอยู่ที่ราคา 3,000-5,000 บาท งานส่วนใหญ่ที่รับคือ งานเปิดร้าน ทำบุญบ้าน งานแต่งงาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน เรียกว่าทุกงานที่เป็นงานมงคลเราเล่นได้หมด แต่ถ้าเป็นงานต่างจังหวัดก็ต้องขึ้นกับระยะทาง ซึ่งอัตราราคาจ้างนี้ผมว่าไม่แพงเลย เพราะเราอยากให้คนมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อไปจุนเจือครอบครัวบ้าง อย่างในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ คณะเรารับงานไปแล้ว 10 งาน

 

ระเบียบวินัยคือหัวใจ

     เวลาที่เราฝึกซ้อมกัน จะฝึกตั้งแต่ตี 5 ทุกคนต้องมาพร้อมเพรียงกัน และทำการไหว้ครูก่อนเวลากินข้าวแต่ละมื้อก็ต้องกินพร้อมกัน การที่เราต้องไหว้ครูก่อน เพราะเราถือว่าครูต้องได้กินก่อนเรา ทำแบบนี้ตลอดตั้งแต่ตั้งคณะใหม่ๆ

           ต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่ได้ฝึกทุกวัน เพราะถ้าฝึกทุกวันคนจะเริ่มท้อซะก่อน นอกเสียจากว่าวันไหนที่มีการแข่งขันจะมีการซักซ้อมกันล่วงหน้า เรื่องของการต่อตัวเราจะไม่ใช้คนอื่นเลยนอกจากญาติพี่น้องของเราเอง  เพราะทุกคนจะมีพื้นฐานการเล่นสิงโต

 

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ

     การต่อตัวนี่อันตรายมาก ถ้าเผลอเรอในช่วงเวลานั้นเพียงพริบตาเดียวจะเกิดอุบัติเหตุได้ อาจแขนหัก ขาหัก หรือเสียชีวิตได้ ผมเองเคยได้รับอุบัติเหตุเหมือนกัน ฉะนั้นเราต้องแข่งขันกับตัวเองให้มากที่สุด การฝึกซ้อมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องรู้ขา รู้คิวกัน ตัวผมเองเคยเจอหนักๆ อยู่ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2527 ไหล่หลุด แขนหักจนต้องใส่เหล็ก จนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่นั้นมาก็เข็ด

 

ความเปลี่ยนแปลงจากเก่าสู่ใหม่

     ย้อนหลังไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วคือ จะมีการใช้หางม้า หางวัวมาติด ถัดมากลายเป็นขนแกะ ขนเทียม เพราะขนสัตว์เริ่มหายาก เดี๋ยวนี้มีการพัฒนามาใช้ขนมิ้งค์เหมือนชุดแดนเซอร์ งานของผมตอนนี้จะใช้ขนไก่มาประดับเพื่อเพิ่มสีสัน ถ้าเป็นสิงโตยุคโบราณคือหน้าตาของสิงโตจะดูมีอำนาจ น่าเกรงขามมากกว่างานสมัยนี้
               สำหรับเอกลักษณ์ชุดแต่งกายประจำคณะคือเราจะเน้นสีแดง อาจเป็นสีแดง-เขียว หรือ สีแดง-เหลือง ฯลฯ ด้วยหลักความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีที่อั่งอั๋ง ตั่งตั๋ง คือมีเงินทองไหลมาเทมา อยู่เย็นเป็นสุข

 

ธุรกิจต่อเนื่องจากสิงโต

     นอกจากจะรับเล่นการเชิดสิงโตแล้ว ผมยังทำหัวสิงโตเอง ตัดเย็บเสื้อผ้าคณะสิงโต ที่หันมาจับงานด้านนี้เพิ่มก็เป็นเพราะไม่ต้องการไปซื้อของต่างชาติ ซึ่งราคาตกหัวละ 30,000 บาท ผมจึงคิดทำเอง ขายเอง บางทีก็เอามาเล่นเอง ค่าทำหัวสิงโตตกประมาณหัวละ 30,000 บาทเท่ากัน มันสะดวกตรงที่เราไม่ต้องเดินทางไปถึงต่างประเทศ ซึ่งความแตกต่างนั้นแทบจะไม่มี หรือถ้าจะมีงานของเรานั้นดูดีกว่า ทนกว่า แข็งแรงกว่า ด้วยซ้ำเรารับทำทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่เพียงแต่หัวสิงโตเท่านั้นแต่ยังมีมังกร กิเลนหยก สิงโตปักกิ่ง สิงโตเสือไหหลำ สิงโตฮักกา พญานาค ด้วย

แม้งานเชิดสิงโตยังคงได้รับความนิยมและยังไม่เลือนหายในยุคสมัยนี้ แต่หัวหน้าคณะสิงโตก็ยังแสดงความห่วงใยงานเชิดสิงโตที่ส่อเค้าลดน้อยลงด้วยความรู้สึกกลั่นออกมาเป็นคำพูดว่า มีแต่คนรุ่นเก่าๆ เท่านั้นที่ยังเล่นสิงโตอยู่ ส่วนคนรุ่นใหม่ๆ จะให้ความสนใจน้อย ผมยังเกรงว่าถ้าคนรุ่นผมหมดไป อาชีพนี้คงเลือนหาย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการให้การสนับสนุนอาชีพเชิดสิงโตให้คงอยู่ตลอดไปและให้กำลังใจคณะสิงโตลูกท้าวมหาพรหม ติดต่อ 081-659-8724 หรือ 02-462-0201

 

มกราคม-กุมภาพันธ์ 52
วารสารหยดน้ำ 

 

 




วารสารหยดน้ำ

บุคคลสำคัญ article
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม article
มองด้านบวก
ก๋วยเตี๋ยวแคระ “เจ๊โหนก”
การสืบสวนสอบสวนของตำรวจไทย (มะเขือเทศ)
ซื่อสัตย์ จริงใจ รับใช้ชาวประชา
‘เพลินวาน’ย้อนเวลา หาความสุข
คลายร้อนด้วยอาหาร
จากใจกวี..
ออกกำลังกายสบายๆ สไตล์...เบาหวาน
เจ้าสัวทันควัน บำรุงขวัญตำรวจเพื่อประชาชน
ความสุขง่ายๆ หาได้รอบกาย
“มหกรรมหุ่นโคมไฟสวนสยาม”
อิ่มอร่อยสุดๆ ที่ ‘แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา’
เรื่องรับผิดในฐานะส่วนตัว
ทิวลิปนนท์...มนต์เสน่ห์เชื้อชาติฮอลแลนด์ สัญชาติไทย
เสกผิวให้สวยด้วย "เลเซอร์"
มองแง่บวก
10 ที่ท่องเที่ยวในฤดูหนาว
รู้ปัญหา ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม
จริงใจทำงาน พัฒนาท้องถิ่น
การวางแผนภาษีมรดก
แนะ 7 สัญญาณที่ผู้ขับขี่ควรรู้ article
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
12 ปี แห่งการใกล้ชิดประชาชน
‘กาหลง’
บันทึกธรรมจาก หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
โรคหัวใจ
ประหยัดภาษี ในธุรกิจแมนชั่นและอพาร์ทเมนต์ได้อย่างไร
ปัญหาประชาชนต้องได้รับการแก้ไข
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย
นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์)
กำแพงสีเขียว
การวางแผนภาษี กิจการค้าขายอสังหาริมทรัพย์
มารู้จัก ศูนย์ กศน.เขตจอมทอง กันดีกว่า...
บริการประชาชนคือเป้าหมายการทำงาน
เลิกรบสงบศึก
มารู้จัก ศูนย์ กศน.เขตจอมทอง กันดีกว่า
หยดน้ำใจ สู่แดนใต้
ยาอมตราตะขาบ 5 ตัว ตำนานยาสมุนไพร 2 สัญชาติ
อิ่มบุญ อิ่มใจ สงกรานต์ไทย-รามัญที่วัดบางกระดี่
ภาษีที่ดิน-มรดกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ความสุขคือ การเป็นผู้ให้
ว่าว สีสันแห่งคิมหันตฤดู
ข้าวแกงบ้านสวน จุดนัดยามเดินทาง
ล่องเรือชมเกาะ ดูลิงแสม ตลาดน้ำวัดหัวกระบือ
รักประชาชน รักษ์สิ่งแวดล้อม
พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริกยุ้นพันธ์
นายตำรวจเปี่ยมคุณธรรม
ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของประชาชน article