ลมว่าว ฤดูกาลแห่งสีสัน
ปัจจุบันการเล่นว่าวในภูมิภาคต่างๆ ของไทย นิยมเล่นกันทั้งในหน้าหนาวและหน้าร้อน โดยต้องอาศัยกระแสลม เป็นปัจจัยสำคัญ
ส่วนวิธีการเล่นว่าวนั้น คนไทยนิยมเล่นอยู่ 3 วิธี คือ การชักว่าวให้ลอยลมปักอยู่กับที่ เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆ การชักว่าวแบบบังคับสาย ให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการ เพื่อแสดงความงดงาม ความสูง หรือความไพเราะของเสียงว่าว และวิธีสุดท้ายที่แตกต่างจากชาติอื่น คือการชักว่าวแบบต่อสู้กันบนอากาศ เช่น ว่าวจุฬา–ปักเป้า ซึ่งเป็นที่คุ้นตาของคนรักการเล่นว่าวและถือเป็นศิลปะแห่งว่าวไทยมาช้านาน
เคล็ดลับไม้ไผ่และกระดาษสา
ว่าวแม้จะทำจากไม้ไผ่และกระดาษว่าว ซึ่งใช้อุปกรณ์ไม่มากเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ต้องอาศัยศิลปะและความชำนาญอย่างมาก โดยเฉพาะการทำว่าวจุฬา และว่าวปักเป้า ไม้ไผ่ที่ใช้ทำว่าวมักใช้ไม้ไผ่สีสุกทำ ต้องมีเคล็ดลับการเลือกแตกต่างกันไปตามแต่ละสำนัก บางแห่งจะมีการดูอายุของไม้ไผ่ด้วยว่าไม่ให้อ่อนหรือไม่ให้แก่เกินไปจะมีผลต่อความยืดหยุ่นของเนื้อไม้
หลังจากได้ไม่ไผ่มาแล้วต้องนำมาเหลาให้ได้ขนาดและความยาวที่เหมาะสม และยังต้องทดสอบความยืดหยุ่นของไม้ไผ่เมื่อนำมาดัดงอด้วยว่าสามารถดัดงอได้ดีหรือไม่ ขนาดและความยาวของไม้ไผ่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของว่าวที่จะทำ ถ้าเป็นว่าวจุฬาขนาดมาตรฐานใช้แข่งขัน ก็จะมีตัวใหญ่มาก ต้องทำอย่างแข็งแรงและได้ขนาดที่เหมาะสม เป็นว่าวที่นิยมเล่นกันในภาคกลาง มีลักษณะเป็น 5 แฉก ประกอบเป็นโครงขึ้นด้วยไม้ 5 อัน ไม้อันกลางเรียกว่า “อก” เหลาหัวท้ายให้ปลายเรียว ไม้อีก 2 อันผูกขนาบตัวปลายให้จรดกันเป็นปีก และไม้อีก 2 อัน เป็นขาว่าวเรียกว่า “ขากบ” ส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้ไผ่สีสุก อายุประมาณ 3-4 ปี เพราะเนื้อไม้จะมีน้ำหนักเบา เหนียว ยืดหยุ่นสูง ไม่หักง่าย และมีเคล็ดว่าไม่ควรใช้ไม้ที่มีตำหนิ หรือเป็นรอยด่าง เพราะเนื้อไม้จะไม่เสมอกัน เป็นสาเหตุทำให้ว่าวเลี้ยงตัวไม่ดี
จากนั้นนำโครงว่าวมาขึงด้าย เป็นตารางตลอดตัวว่าว เรียกว่า “ผูกสัก” แล้วใช้กระดาษปิดทับลงบนโครง วิธีการทำข้างต้นอาจดูทำได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำว่าวนับเป็นภูมิปัญญาที่ผู้ทำจะต้องมีความอดทน มีสมาธิ และเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอย่างยิ่ง เพราะหากทำไม่ถูกสัดส่วนแล้ว ว่าวอาจจะไม่สามารถลอยตัวขึ้นได้เลย หรืออาจจะลอยตัวขึ้นได้แต่เอียงซ้าย/ขวา หมุนควง และดิ่งลงมาสู่พื้นในที่สุด ดังนั้นช่างแต่ละคนจึงมีเคล็ดลับในการทำว่าวแตกต่างกันไป
ถ้าเป็นว่าวปักเป้าตัวจะเล็กลงมา เน้นความคล่องแคล่วปราดเปรียว ส่วนว่าวงู ว่าวนกฮูก เน้นความสวยงามของกระดาษที่ปิดมากกว่า เมื่อได้ไม้ไผ่มาตามขนาดที่ต้องการต่อไปก็ถึงขึ้นทำโครงว่าว โดยถ้าเป็นว่าวปักเป้าจะใช้ไม่ไผ่ 2 ชิ้นขัดกันขึ้นมาเป็นโครง ยึดกันด้วยด้าย ซึ่งขึ้นตอนนี้ก็สำคัญเนื่องจากการผูกด้ายยึดโครงต้องมีความพอดีไม่ให้ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป ไม่งั้นว่าวจะเสียศูนย์ได้เวลาเล่น
เมื่อได้โครงว่าวแล้ว ก็ถึงขึ้นตอนการปิดกระดาษ กระดาษที่ใช้ทำว่าว จะเป็นกระดาษว่าว หรือบางคนใช้กระดาษสาอาจจะเป็นของประเทศไทยหรือจีนก็ได้ บางรายมีเทคนิคคือปิดกระดาษตอนเช้าๆ ตอนสายๆอากาศอุ่นขึ้นกระดาษก็จะตึงพอดี หลังจากปิดกระดาษเสร็จแล้วก็มาเจาะรูผูกคอซุง โดยต้องดูความสมดุลของว่าว ว่าไม่เอียงซ้ายหรือขวา หัวหรือท้ายไม่หนักเกินไป อาจจะลองชักเล่นดูเลยก็ได้ หลังจากนั้นก็ตกแต่งภายนอก ส่วนว่าววงเดือน หรือ ว่าวบุหลัน และอาจเรียกเป็นภาษามลายูว่า “วาบูแล” ซึ่งแปลว่า “ว่าวเดือน” นิยมเล่นในภาคใต้ตอนล่าง
|