ทิพยสถานแห่งเมืองพัทยาใต้
เมืองพัทยาได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาช้านานกว่า 40 ปี ด้วย แนวชายหาดที่ใช้เป็นสถานที่ตากอากาศยาวติดต่อกันถึง 15 กิโลเมตร รวมถึงการจัดกิจกรรมระดับโลก และสถานบันเทิงต่างๆ ทำให้พัทยานำเงินตราต่างประเทศจากนักท่องเที่ยวมาสู่ประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท เฉพาะจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวในพัทยา ปีละประมาณ 4 ล้านคน รวมถึงนักลงทุนต่างหันเข้าสู่พัทยาจนทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากในเมืองพัทยา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี
ในขณะที่ถนนทุกสายของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างมุ่งตรงมายังพัทยาแต่ในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวไทยกลับรู้สึกว่าพัทยาไม่ค่อยจะมีที่ให้พักผ่อนดื่มกินรวมถึงที่ที่จะให้ความบันเทิงทั้งครอบครัวมากนัก โครงการ Pattaya City Walk & นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) จึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไปพร้อมๆกัน บนทำเลที่ดีที่สุดของเมืองพัทยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ด้วยสินค้าด้านวัฒนธรรมที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนทั้งชาติ เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม อาหารไทย การแต่งกายด้วยผ้าไทย อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศและสร้างเสริมสถานที่อันเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม
อลังการความยิ่งใหญ่
นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) สถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ความสุขทุกประสาทสัมผัส เต็มเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความเป็นไทย บนพื้นที่ 500 ตารางวา ในโครงการไทยวัฒน์ โดยมีจัตุรัสแห่งวัฒนธรรม อันเป็นลานจัดแสดงนาฏศิลป์ไทย ที่ทุกชุดการแสดงถูกรังสรรค์อย่างประณีต ผสานนาฏยศาสตร์และศิลปะการเชิดหุ่นละครเล็ก ถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงแสงเสียง ได้แก่ การแสดงชุดระบำกินรี การแสดงชุด ทวานฤมิต การแสดงหุ่นละครเล็ก ชุด ครุฑยุดนาค และ การแสดงหุ่นละครเล็ก ชุด หนุมานจับนาง- สุพรรณมัจฉา ซึ่งนอกจากการแสดงนาฏศิลป์ไทยในแต่ละวันแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมพิเศษในเทศกาลพิเศษตามประเพณี เช่น วันสงกรานต์ วันลอยกระทง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น การแสดงดนตรีไทยร่วมสมัย จากวงบอยไทย วงกอไผ่ วงฟองน้ำ วงบางกอกแจ๊ส วงกำไล และกิจกรรมอื่นที่เป็นการแสดงทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้เยาวชน รวมถึงคนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม เพื่อเป็นศูนย์กลางความบันเทิงทางวัฒนธรรม และภายในโครงการยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวในรูปแบบป่าหิมพานต์ ที่มีประติมากรรมลอยตัวกินรีที่สามารถเคลื่อนไหวได้ และภัตตาคารในน้ำตก ขนาดเท่ากับตึก 3 ชั้น ยาว 30 เมตร จึงทำให้นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) เปรียบเสมือนทิพยสถานแห่งเมืองพัทยาใต้
‘พิสูตร ยังเขียวสด’ทายาทโจหลุยส์
“โปรเจ็คต์นี้คิดไว้นานแล้วว่าต้องการไปเปิดที่พัทยา เนื่องจากการที่ผมได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แล้วก็จะได้ยินฝรั่งมักพูดว่า รู้จักเมืองไทยแล้วก็จะพูดว่า พัทยา อะโกโก้ เวรี่กู้ด เท่านั้นแหละที่เราได้ยิน มันกลายเป็นว่าพัทยาเป็นเมืองอะโกโก้ไปแล้ว จากนั้นเมื่อกลับมาเมืองไทยก็เริ่มคิดว่าเราต้องไปสังเกตเมืองพัทยาสักทีว่าเมืองๆ นี้เป็นอย่างไร เมื่อผมขับรถไปดูก็พบว่าทุกตารางเมตรเลย มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก แต่มันก็คือความเป็นเมืองของเขา เราจะไปห้ามไม่ให้มีก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นแหล่งทำเงินของประเทศ เราจึงคิดว่าน่าจะมีอีก 1 ทางเลือกที่ทำให้คนได้เห็นความงามในเชิงวัฒนธรรมบ้าง
ผมมีโอกาสได้ไปเดินดูสถานที่ต่างๆ ก็ไปสะดุดตากับที่พัทยาซิตี้วอล์ก คือเป็นจตุรัสใจกลางเมืองแล้วก็เป็นสถานที่ที่มีชีวิต ผมจึงได้ไปคุยกับคุณกีรติ เจ้าของที่ซิตี้วอล์ก ซึ่งเป็นผู้ที่ชอบงานวัฒนธรรมเช่นกัน จึงได้ให้ความอนุเคราะห์ในการสร้างปิรามิด 3 ชั้น โดยคอนเซ็ปต์เปรียบเสมือนป่าหิมพานต์ บนพื้นที่ 500 ตารางวา ห่างจากทะเลเพียง 20 เมตรเท่านั้น อย่างที่พัทยาน่าจะเกิน 50 ล้าน ในจำนวนนี้วัตถุถาวรเป็นต้นทุนของทางคุณกีรติ 80% ส่วนวัตถุที่ไม่ถาวรเป็นของเรา โดยเราแบ่งส่วนหนึ่งให้เป็นค่าพื้นที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ถ้าหากจะคิดเป็นตัวเงินแล้วมูลค่าพื้นที่ 500 ตารางวา มันมหาศาลมาก แต่ไม่ได้มีการคิดเรื่องค่าเช่าเลย เป็นการทำงานช่วยกันให้พออยู่ได้มากกว่า คือทางเจ้าของสถานที่จะหักรายได้ 25% ของแต่ละวัน แต่ถ้าวันไหนขายไม่ได้ก็ไม่คิดสตางค์ เรามีหน้าที่จ่ายแค่ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้เท่านั้น”
|
|
จุดเด่นโรงละครแห่งใหม่
“ที่นี่มีน้ำตก มีทุกอย่างเหมือนป่าหิมพานต์ มีตัวกินรี กินนร ที่เคลื่อนไหวได้ มีหินที่ตกแต่งเหมือนในป่า ซึ่งการที่จัดให้ชมนั้นมีทั้งหมด 4 ชุด ซึ่งเราจัดให้ชมฟรี จริงๆ เราไม่อยากเก็บสตางค์ค่าบัตร เราอยากให้คนเข้ามาดูง่ายๆ ไม่ต้องมีค่าบัตรเข้าชม แต่เรามีโต๊ะอาหารประมาณ 90 โต๊ะ มีเก้าอี้ประมาณ 360 คน เราอยากให้งานแสดงตรงนี้เป็นจุดขายของเมืองพัทยาอีก 1 แห่ง โดยใช้ชื่อว่า “นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์)” คอนเซ็ปต์นี้คือต้องการนำอาหารมาเป็นตัวช่วยให้วัฒนธรรมอยู่ได้ เราละเอียดทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโชว์ เรื่องของพนักงานต้อนรับ ถ้วยชามแบบไทยๆ อาหารไทยที่มีการแกะสลักอย่างดี ราคาแบบคนไทย และถูกกว่าร้านอาหารทั่วไป 10% ของพัทยา ในอนาคตเราคาดว่าฝรั่งน่าจะรู้จักวัฒนธรรมของเราจากงานนี้ คือคาดหวังว่า ถ้าฝรั่งจะไปพัทยา เขาจะไปดูโจหลุยส์ พยายามทำทุกอย่างให้จับต้องได้ และมันก็เกิดขึ้นแล้ว 19 มิถุนายน นี้จะเป็นการเปิดโรงละครอย่างเป็นทางการ ในขณะที่เศรษฐกิจแย่ แต่เราทำงานสวนกระแส เพราะเราไม่ได้หวังกำไร หรือความร่ำรวยจากการทำงานตรงนี้เลย คือเราแค่อยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้ ให้วัฒนธรรมอยู่ได้ก็พอแล้ว”
ความตั้งใจในการทำงาน
“ในส่วนของภาคการแสดงเราใช้นักแสดงจำนวน 50-60 คนแบ่งไปที่พัทยา 18 คน ส่วนที่เหลือจะอยู่ที่กรุงเทพและการแสดงที่นำไปโชว์พัทยาก็จะมี ครุฑยุดนาค การแสดงชุดระบำกินรี การแสดงชุดเทวานฤมิต การแสดง หุ่นละครเล็ก ชุด ครุฑยุดนาค และ การแสดงหุ่นละครเล็ก ชุด หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา ส่วนการแสดงของโจหลุยส์ที่กรุงเทพก็ยังคงทำการแสดงปรกติ และเราก็ยังทำโชว์ชุดใหม่ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ เป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่เราเคยทำ ซึ่งเราจะทำเรื่องการเดินทางของหุ่นละครเล็ก จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคนดูจะได้เห็นว่าสมัยก่อนนั้นครูแกรเชิดหุ่นอย่างไร คุณพ่อเชิดอย่างไร และปัจจุบันมีการเชิดหุ่นอย่างไรมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง ต้องบอกว่าเป็นงานอาร์ตจริงๆ โดยผมจะแบ่งเวลาให้ 3 วันที่กรุงเทพ และอีก 3 วันที่พัทยา
เซ็ตแรกมี 4 โชว์ 20.30 น. และอีกครั้งคือ 22.00 น. เหตุผลที่เราเลือกช่วงเวลานี้เพราะเราต้องสลับไลน์กับทิฟฟานี่ อัลคาซาร์ เพื่อจะให้คนที่ไปพัทยาได้มีโอกาสชมการแสดงได้อย่างทั่วถึง เพราะลูกค้าก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน เวลาคนไปเที่ยวเขาก็อยากดูการแสดงที่มีทั้งหมด แต่โดยส่วนมากคนที่ไปพัทยาก็จะไป 3 วันอยู่แล้ว
|
|
เล็งผลขยายโรงละครเพิ่ม
“พัทยาคือเคสตัวอย่าง ผมยังมีงานสำรองที่คิดไว้คือโจหลุยส์ที่พังงา สมุย และภูเก็ต ซึ่งกำลังดูๆ สถานที่อยู่ แต่ขนาดของโรงละครอาจจะไม่เท่าพัทยา มีการติดต่อประสานงานไว้บ้างแล้วคือจริงๆ แล้วที่พังงาเราสร้างเสร็จแล้วอยู่ที่ลากูน่า รีสอร์ท เขาหลัก เสร็จก่อนพัทยาซะอีก เป็นเธียเตอร์ 150 ที่นั่ง แต่เรายังไม่เปิดเพราะต้องรอนักท่องเที่ยว ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้เป็นการสนับสนุนของเจ้าของสถานที่ไม่ใช่เงินของทางโจหลุยส์ เพราะเราคงไม่มีกำลังพอที่จะทำได้ เนื่องจากแต่ละแห่งนั้นใช้เงินอย่างน้อยประมาณ 50-60 ล้าน
ส่วนที่ภูเก็ตและสมุยนั้นเราต้องเลือกที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ความจริงเกาะสมุยก็น่ารักเพราะจะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันนานเป็นสัปดาห์ และเป็นเกาะที่มีขนาดเล็ก ขนาด 150 ที่นั่งเราสามารถทำได้”
หวังโรงละครแห่งชาติเพื่อโจหลุยส์
“ใจจริงผมต้องการโรงละครที่ถาวรตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ และผมเองก็อยากได้ที่สวนลุมฯ นี้ แต่ว่าอีก 3 ปีก็ต้องไปแล้วเพราะหมดสัมปทาน เราต้องหาสถานที่ใหม่ และต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียน การสอน เราพยายามที่จะหาเงินทุน หาสถานที่ ในที่นี้คือถ้ายังหาสถานที่ในกรุงเทพไม่ได้ก็ต้องไปต่างจังหวัด เราทำงานในนามมูลนิธิสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เราอยากให้คนไทยร่วมกันเป็นเจ้าของ โจหลุยส์เป็นของคนไทยทุกคน แค่คนละ 100 บาท เท่านั้น ผมเองไม่ได้เป็นเจ้าของแต่ผมเป็นคนดำเนินการให้ ทำให้นักเรียน -นักศึกษาได้เห็นงานไทยๆ ต่อไป อนาคตเราพยายามรวบรวมการแสดงที่เป็นพื้นบ้านทุกอย่าง จะมีโรงเรียนสอนวิชางานไทย 10 แขนง อย่างจริงจัง อันนี้เป็นธีมใหญ่ที่เราต้องการทำ คือหุ่นละครเล็กจะมีศิลปะ 10 แขนงอยู่ในตัว ถ้าเราเผยแพร่โดยการให้นักเรียนเรียนฟรี แต่ก็ต้องสกรีนคนที่อยากเรียนจริงๆ อาจจะคัดเหลือไม่กี่คนเท่านั้น เราไม่อยากเก็บตังค์ ต้องหาทางทำให้ได้ อีกอย่างคือสื่อบ้านเรามันไม่มีช่องไหนที่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมเลย จะทำอย่างไรให้นักเรียนได้เรียนโดยมีความรู้สึกว่า มีคุณค่า รัฐบาลเองก็สนับสนุนไม่ได้ทั้งหมด แต่จะช่วยเหลือได้เป็นบางกรณีเท่านั้น
โรงละครแห่งชาติน่าจะมีความเหมาะสมที่สุด ปัญหาที่ผมพยายามจะถามตัวเอง และคนอื่นคือโรงละครแห่งชาติมีไว้ทำไม ไม่มีการแสดง ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ยังซ่อมอยู่นั่น แล้วทำไมจึงเปิดทำการทุกวันไม่ได้ ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร วันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะรัฐเก็บเงินภาษีประชาชนไปจ่ายคนทำงานนาฏศิลป์ แต่มันไม่ได้ขับเคลื่อนอะไรเลย ฝรั่งเข้าใจว่าโรงละครแห่งชาติสร้างไว้ดูงานสถาปัตย์หรือ คือถ้าเราได้แสดงหุ่นละครเล็กที่นั่นด้วยและมีโขนด้วย ตอนนี้กำลังทำเรื่องนัดพูดคุยกับท่านรัฐมนตรีอยู่ ว่าเราต้องการเข้าไปบริหารให้โรงละครเป็นโรงละครที่มีชีวิตจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้ต่างชาติได้เห็นวัฒนธรรมของเราอย่างเต็มๆ ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเราคงคุ้มครองให้วัฒนธรรมการแสดงของชาติรอดปลอดภัยเพราะเราทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจ ซึ่งอาจจะอยู่รอดอย่างเลือดซิบๆ ไปบ้างก็ไม่เป็นไร”
สำหรับผู้ที่ต้องการชมการแสดงที่นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) ที่สวนลุมฯ นั้นยังคงเปิดการแสดงเช่นเดิม ส่วนแห่งใหม่ที่พัทยาใต้นั้น
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 17.00 - 01.00 น. สนใจสามารถโทรสอบถามได้ที่ 081-9354937, 02-2529683-4 , 02-2525227-9 หรือ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ HYPERLINK "http://www.thaipuppet.com" www.thaipuppet.com ก็ได้เช่นกัน
วารสารหยดน้ำ
ฉบับเดือนกรกฏาคม - สิงหาคม 52
|