สุธา นิติภานนท์ ส.ก.เขตภาษีเจริญ |
|
ปัญหาประชาชนต้องได้รับการแก้ไข
เพราะความที่มีใจรักในการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่ได้ตั้งใจจะข้องเกี่ยวกับภาระทางการเมือง แต่เมื่อเล็งเห็นจะเป็นหนทางหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนได้มากกว่า สุธา นิติภานนท์ จึงตัดสินใจทำงานการเมืองให้กับเขตภาษีเจริญเป็นครั้งแรก และปัจจุบันยังคงทำหน้าที่เป็น ส.ก.เขตภาษีเจริญ ด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประชาชนย่านนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
จากจุดเริ่มเสริมทีมหาเสียง
“เมื่อ 30 ปี ที่ผ่านมาผมเริ่มเข้ามาทำงานการเมืองครั้งแรกโดยการช่วยหาเสียงให้กับทีมอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดท่านหนึ่ง คือ “ท่านมนูญ .......” เพราะด้วยความที่มีความคุ้นเคยกับคุณมงคล สิมะโรจน์ จึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงแรกนั้นต้องบอกว่าเป็นเพียงทีมงานที่เข้าไปช่วยงานของทางพรรคเท่านั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทำงานการเมืองแต่อย่างใด
โดยก่อนหน้านั้นได้ลงสมัครในทีมอิสระของคุณเฉลิม อยู่บำรุง ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาจึงตัดสินใจมาลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งคุณเฉลิมและตัวผมเองขณะนั้นก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หลังจากที่คุณเฉลิมได้รับเลือกตั้งแล้วก็ออกไปตั้งพรรคมวลชน ซึ่งผมเองก็ตามไปทำงานด้วย
จนมาถึง 2537 ผมลงสมัคร ส.ก. เป็นครั้งแรกในนามพรรคกิจสังคม ในเขตพื้นที่ภาษีเจริญ ซึ่งเมื่อก่อนนี้พื้นที่ภาษีเจริญและบางแคนั้นถือเป็นเขตเดียวกัน ทำให้มีจำนวน ส.ก. มากที่สุดถึง 3 คน เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่ จำนวนประชากรมาก ปัจจุบันมีการแยกออกจากกันคงเหลือจำนวน ส.ก. เพียง 2 คนเท่านั้น
ต่อมาค่อนข้างจะมีความคิดที่แปลกแยกในเรื่องของการทำงานการเมือง เพราะมีความเห็นกันไปคนละทางกับคุณเฉลิม ผมเองจึงตัดสินใจลาออกจากกิจสังคมและมาสมัครที่พรรคประชาธิปัตย์ จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ถือว่าประมาณ 30 ปีแล้วที่เข้ามาทำงานกับทางพรรค แต่ถ้านับจำนวนปีในการเป็นสมาชิกพรรคนั้นเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น และได้ทำงานในฐานะ ส.ก. เขตภาษีเจริญมาเป็นเวลานานถึง 4 สมัย”
ความผูกพันกับภาษีเจริญ
“ผมเกิดที่เขตราษฎร์บูรณะ แต่ว่ามาเติบโตที่เขตภาษีเจริญ เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง เรียนถึงชั้น ป.3 แล้วจึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม เนื่องจากเป็นพื้นเพเดิมของทางฝั่งคุณแม่ การเปลี่ยนแปลงย้ายที่อยู่ก็เพราะว่าคุณพ่อผมเสียชีวิต
ปัญหาหลักของเขตภาษีเจริญคือ เมื่อก่อนนี้มีปัญหาเรื่องระบบคมนาคม เนื่องจากลักษณะทางกายภาพเดิมนั้นเป็นสวน แต่ถูกพัฒนามาเป็นแหล่งชุมชมที่อยู่อาศัย หมู่บ้านจัดสรร ปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องถนนหนทาง การจราจร ซึ่งผมได้เข้าไปแก้ไขเรื่องการจราจรในพื้นที่ให้มีการแยกย่อยไปตามซอยต่างๆ ได้ เพื่อลดการจราจรบนเส้นทางหลักซึ่งเป็นความต้องการตรงกับประชาชน
ถัดมาคือเรื่องปัญหาคุณภาพชีวิต ปัญหาชุมชนแออัด ซึ่งเมื่อก่อนนี้ต้องยอมรับว่ามีเยอะมาก และปัญหาด้านการศึกษา ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไข โครงการต่างๆ แต่ละโครงการนั้นมีการแก้ไขอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่จะค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งปัจจุบันนั้นต้องยอมรับว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนเรื่องการพัฒนาถนนพุทธมณฑลสาย 1 และสาย 3 นั้นมีการพัฒนาในจุดเริ่มต้นแล้ว ถือว่าได้ทำงานสำเร็จ”
สัมผัสความเดือดร้อนอย่างใกล้ชิด
“เสน่ห์ทางการเมืองสำหรับผมนั้นคิดว่า เพราะเราได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่มีมานาน และยังมีส่วนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ในฐานะที่ผมเองพอจะรู้ปัญหา และสามารถหาแนวทางที่จะช่วยเหลือ แก้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นให้คลี่คลายลงได้ หากมีโอกาสได้ทำงานต่างๆ ผ่านพ้นไปได้มันก็จะเกิดความภูมิใจ และหลายครั้งที่ลงไปหาเสียงเอง หรือไปช่วยคนอื่นหาเสียง ผมจะได้สัมผัสถึงปัญหาต่างๆ ที่มี ซึ่งบางส่วนก็เข้าไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง และมีบางส่วนที่เป็นหน้าที่ของทาง ส.ส. ต้องยอมรับว่าปัญหาบางอย่างนั้นก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการพัฒนาที่ดิน เพราะมีกฎหมายบางข้อที่เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเรื่องถนนหนทางจะต้องมีเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ยินยอมจึงจะสามารถแก้ไขได้ เรื่องแบบนี้ประชาชนต้องการคำอธิบายซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ต้องให้ความกระจ่าง และมีความตั้งใจช่วย
จากการที่ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งผมก็พอจะช่วยแก้ไขปัญหาไปได้บ้าง แต่ที่ต้องมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. เป็นเพราะทางพรรคไม่มีบุคลากรที่จะเข้าไปชิงตำแหน่งกับพรรคอื่น ในเมื่อทีมงานมีความเห็นว่าผมมีความเหมาะสม เมื่อได้เข้าไปสัมผัสโดยตรงก็พบว่าสามารถช่วยชาวบ้านได้มาก มันจึงเป็นความภูมิใจที่ได้ใช้ความสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ด้วยความที่เป็นพื้นที่บ้านเกิดของผมเองด้วย ก็เหมือนกับการได้เข้ามาช่วยเหลือคนในครอบครัวนั่นเอง” |
|
สนองตอบนโยบายผู้ว่าฯ
“หลักในการทำงานของผมคือ การตอบสนองความต้องการของประชาชนตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพ ยกตัวอย่างเช่น ท่านผู้ว่าฯ มีนโยบายชูเรื่องการศึกษา เรียนดี เรียนฟรี รัฐบาลเองยังให้การสนับสนุนการศึกษา พื้นที่ภาษีเจริญนี้มีโรงเรียนรัฐบาล 13 โรงเรียน โรงเรียนเอกชนอีก 15 โรงเรียน รวม 28 โรงเรียน
สำหรับนโยบายผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน ท่านเน้นคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข ซึ่งเป็นภาพที่กว้างมาก ยกตัวอย่างเช่น คนจะมีความสุขได้ต้องมีงานทำ มีถนนหนทางสะดวก ระบบเศรษฐกิจต้องดี ซึ่งการพัฒนาที่จะเป็นไปได้ตามนโยบายของท่านนั้นจะต้องทำทุกด้าน ในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกรุงเทพมหานครมีผู้ว่าฯ ที่ทำงานจริงจังและต่อเนื่องมาหลายคนแล้ว วันนี้ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ก็ได้เข้ามาสานต่อโครงการเดิมๆ ให้เกิดความสำเร็จ บวกกับการเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาลยิ่งทำให้การทำงานเกิดการเดินหน้าได้รวดเร็ว”
แค่ได้ทำงาน คือเป้าหมายการเมือง
“เป้าหมายทางการเมืองของผมไม่ได้ใหญ่โตนัก เพราะผมเป็นคนทำงานท้องถิ่นที่มองว่าผมสามารถทำงานให้กับประชาชนได้ ประชาชนร้องขอแล้วผมทำงานให้เขาได้ ผมถือว่าอันนี้เป็นเป้าหมายที่ผมพอใจแล้ว 30 ปี ที่ทำงานการเมือง ผมเห็นว่ามีความแตกต่างเรื่องคุณภาพของตัวบุคคล ซึ่งเมื่อก่อนนี้เขาจะดูกันที่ผลงานของแต่ละบุคคล แต่ในยุคนี้จะให้ความสำคัญตรงที่นโยบายพรรคการเมืองมากกว่า หากว่าคนๆ นั้นเป็นคนดี แต่นโยบายพรรคการเมืองไม่ตรงใจชาวบ้าน ผมว่านักการเมืองคนนั้นๆ ก็เหนื่อย
สำหรับหน้าที่ทางการเมืองคิดว่าขึ้นอยู่กับพรรคจะมอบหมายให้ทำงานหน้าที่ใดให้ผมทำ ผมก็จะทำอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายอยากฝากถึงประชาชนในพื้นที่ว่า หากมีปัญหาอะไรก็บอกความต้องการในช่องเล็กๆ ที่ประชาชนต้องการได้ เมื่อรู้ปัญหาก็จะได้แก้ปัญหาได้ตรงประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กขนาด 3-4 ครอบครัว หรือจะเป็นปัญหาชุมชน ส่วนเรื่องที่จะแก้ไขได้หรือไม่นั้น ผมว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่ผู้แทนฯ ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน ฉะนั้นการที่ได้ทราบปัญหาอย่างตรงไปตรงมาจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า”
วารสารหยดน้ำ
ฉบับเดือนกันยายน - ตุลาคม 2552
|