ใกล้หมอ
โรคหัวใจที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดสามารถแยกออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart disease)
2.โรคหัวใจที่เกิดขึ้นหลัง (Acquired Heart disease)
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.ชนิดเขียว
2.ชนิดไม่เขียว
การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ไม่ว่าจะเป็นชนิดเขียว หรือไม่เขียว ก็มีทั้งการผ่าตัดแบบประคับประคองหรือแก้ไขได้ทั้งหมด จนกลับมาเหมือนปกติทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดปกติที่มีมาแต่กำเนิดในผู้ป่วยแต่ละคน ความผิดปกติบางอย่างต้องทำการผ่าตัดรักษาตั้งแต่ระยะแรกคลอด ความผิดปกติบางอย่างสามารถรอจนโตขึ้นมาหน่อยได้
โดยรวมแล้วการผ่าตัดหัวใจในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กต้องอาศัยความละเอียดอ่อนมากกว่าการทำผ่าตัดในผู้ใหญ่หลายเท่าตัว วิธีการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติก็มีมากมายเป็นร้อยๆ ชนิดจำเป็นต้องใช้ทีมที่มีความสามารถสูงและเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ถึงจะส่งผลการผ่าตัดได้ผลดี โดยทีมประกอบไปด้วยศัลยแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ เจ้าหน้าที่เดินเครื่องปอดหัวใจ พยาบาลห้องผ่าตัด และพยาบาลหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ดังนั้นโรงพยาบาล ที่สามารถทำผ่าตัดหัวใจพิการในเด็กได้และได้ผลดีด้วยจึงมีจำนวนไม่มาก
โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลังที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ที่พบบ่อยดังดังต่อไปนี้
1.โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
2.โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
3.โรคของเส้นเลือดแดงใหญ่ (Aorta)
|
|
โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
ปัจจุบันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลังที่พบมากที่สุด มีวิธีการรักษาทั้งชนิดที่ต้องผ่าตัดและไม่ผ่าตัด การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดคือ การถ่างขยายเส้นเลือดหัวใจด้วยบอลลูนตรงตำแหน่งที่ตีบตัน โดยจะใส่ขดลวดขนาดเล็กเข้าไปค้ำเสริมด้วยหรือไม่ก็ได้
เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหลักๆ แล้วมี 3 เส้น แต่บางครั้งเส้นหลักแต่ละเส้นอาจมีเส้นกิ่งแขนงที่มีขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นบางคราวแพทย์อาจต่อให้ 4 เส้น 5 เส้น หรือมากกว่านั้นก็ได้ ปัจจุบันเส้นเลือดที่นำมาใช้บ่อย การผ่าตัดต่อเส้นเลือดหัวใจ มีเส้นเลือดแดงหลังหน้าอกด้านซ้าย เส้นเลือดแดงหลังหน้าอกด้านขวา เส้นเลือดแดงที่บริเวณปลายแขนด้านซ้ายและขวา และเส้นเลือดดำที่ขา เส้นเลือดต่างๆ เหล่านี้มีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า ในระยะเวลา 10 ปี เส้นเลือดแดงหลังหน้าอกจะยังคงใช้งานได้ดีประมาณ 90-95% เส้นเลือดแดง ที่บริเวณปลายแขนยังคงใช้งานได้ดีประมาณ 80-85% ส่วนเส้นเลือดดำที่ขายังคงใช้งานได้ดีประมาณ 50-60% ดังนั้นศัลยแพทย์หัวใจพยายามใช้เส้นเลือดแดงให้มากที่สุด แต่งบางครั้ง เส้นเลือดหัวใจที่ตีบมีหลายตำแหน่งไม่สามารถใช้เส้นเลือดแดงได้ทั้งหมด เนื่องจากข้อจำกัดของผู้ป่วย ก็จำเป็นต้องใช้เส้นเลือดดำเสริมในตำแหน่งที่มีความสำคัญน้อยกว่า
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเส้นเลือดหลักทั้ง 3 เส้น ตีบตันหมด ก็เป็นข้อบ่งชี้ในการทำการผ่าตัดรักษา เนื่องจากการถ่างด้วยบอลลูน ต้องถ่างหลายเส้น หลายตำแหน่งและอาจต้องหลายหน บางครั้งต้องกลับมาถ่างซ้ำอีกเนื่องจากตีบตันที่ตำแหน่งเดิมที่ถ่างไปรวมๆ แล้วอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถ่างด้วยบอลลูนสูงกว่าการผ่าตัดถึง 2-3 เท่าตัวหรือมากกว่า ผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการถ่างบอลลูน ก็มีโอกาสเสียชีวิตในห้องสวนหัวใจระหว่างการทำบอลลูนได้ มีโอกาสเสียชีวิตที่บ้านได้ เนื่องจากเส้นเลือดหัวใจตีบตันขึ้นมาใหม่ ซึ่งโอกาสเสียชีวิตเหล่านี้อาจจะมากกว่าการผ่าตัดต่อเส้นเลือดหัวใจ (Coronary artery bypass graft) ที่ทำโดยศัลยแพทย์หัวใจที่มีความชำนาญสูง ซึ่งจะมีอัตราการเสียชีวิตเพียง 1-2% (ในผู้ป่วยที่นัดมาทำผ่าตัด) และยิ่งถ้าต่อด้วยเส้นเลือดแดงทั้งหมดแล้ว ในระยะ 10 ปี เส้นเลือดต่อไป จะมีโอกาสตันประมาณ 15-20%
การผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจนั้น ปัจจุบันสามารถใช้ได้ทั้งวิธีที่ใช้เครื่อง ปอด-หัวใจ (Heart lung machine) และไม่ใช้เครื่อง ปอด-หัวใจเทียม (off pump) ข้อดี ข้อเสีย และผลของการผ่าตัดทั้งสองวิธีนี้ไม่ได้มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ในการที่ศัลยแพทย์หัวใจจะเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับความถนัดและสภาวะของผู้ป่วยเป็นสำคัญ (อ่านต่อฉบับหน้า)
ข้อมูลโดย ; รศ.นพ.วิชัย เบญจชลมารค
ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และคณะกรรมการแพทย์โครงการผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจเฉลิมพระเกียรติ 500 ราย ถวายองค์มหาราชินี 80 พรรษา รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร 1745 หรือ 0-2877-1111 ต่อ 1216 www.bangkokhospital.com
วารสารหยดน้ำ
ฉบับเดือนกันยายน - ตุลาคม 2552
|