(พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)
พ่อแม่ท่านมีเมตตาให้แก่เรา เราจึงได้เกิดได้เติบโต ในตอนที่แม่อุ้มท้องเรา ๙ เดือนแม่ต้องลำบากขนาดไหน จะกินอะไรก็ระวัง แม้ของที่แม่ชอบ ถ้ากินแล้วจะไม่ดีต่อลูก แม่ก็อดใจไม่กิน เวลาจะทำอะไรก็ลำบากทรมาน แต่แม่ไม่เคยบ่น ยิ่งเวลาคลอด แม่ลำบากขนาดไหน แม่เจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน แม่เสียเลือดเสียกำลังไปขนาดไหน แม่สลบไสลกี่ครั้ง แม้ปานนี้แม่ก็ยังไม่โกรธลูกเลยที่ทำให้แม่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวขนาดนี้ ขอเพียงให้ลูกของแม่ปลอดภัยก็พอแล้ว ลูกงอแงเวลาไหนมือแม่ถึงสายเปลเวลานั้น คอยไกวเปลเห่กล่อมจนลูกแม่หลับ ถึงทาเล็บสวยๆ ถ้าลูกแม่อึออกมาแม่ก็ลุยเลยไม่มีรังเกียจของๆ ลูก ไม่ว่าน้ำมูกน้ำลายแม่ก็เช็ดเอางมเอา บางทีใช้ปากดูดน้ำมูกให้ลูกก็มีพ่อกับแม่ท่านช่วยกันดูแลฟูมฟักรักษา ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เพราะท่านรักท่านเมตตาเราอย่างสุดหัวใจ ดั่งพระราชนิพนธ์ที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงประพันธ์ไว้ว่า
อันความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
บุญคุณของพ่อของแม่มีให้กับเรามากมายมหาศาลขนาดนี้ เราผู้เป็นลูกจะเนรคุณท่านได้หรือ ให้รู้จักคุณของพ่อแม่แล้วกตัญญูตอบแทนพระคุณท่าน
---------------------------------------
คำพูดที่ไม่ได้พิจารณาก็ย่อมกระทบกระเทือนผู้อื่น ให้พิจารณากลั่นกรองให้ดีเสียก่อนจึงค่อยพูด
เราไม่คุย เราไม่นอกลู่นอกทาง รักษาความสงบไว้อย่างนั้น ไม่ต้องคุยโอ้อวดผู้ใดอย่าไปคุยโอ้อวดมันจะเสื่อม เสื่อมเลยมันไม่สงบอีกแล้ว ไม่ต้องคุยโอ้อวดผู้ใดไม่ต้องยกตนเทียมท่าน ไม่ต้องยกตนข่มท่าน โอ้อวดใครก็ไม่ใช่ มันรู้เรื่องอยู่มันรู้เรื่องราวอยู่อย่างนั้นๆ เราก็สบายของเรา ยิ้มอยู่แค่นั้น ใครจะว่าอะไรก็ยิ้ม จิตจะอยู่เหนือโลก เหนือธรรม ไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมทั้งหลาย ขอให้ทำไปเถิดอย่าได้โอ้อวดตกใจ ดีใจ ภูมิใจ มันจะเป็นวิปลาส
นิพพานใจจะต้องเด็ดเดี่ยวมากนะ ต้องไม่ห่วงใคร จะต้องไปคนเดียว
การปฏิบัติธรรมนั้น นอกจากการตั้งสติแล้ว ไม่มีอย่างอื่นยิ่งไปกว่า ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ก็มีสติระลึกได้ ถ้าเดินนึก เดินคิด นั่งนึก นั่งคิด นอนนึก นอนคิด ไม่ชื่อว่าปฏิบัติธรรม เขาเรียกกันว่าฟุ้งซ่านไปตามสัญญาอารมณ์ ถ้ามีสติระลึกได้ทุกเมื่อมีสัมปชัญญะประกอบด้วยยิ่งดีใหญ่เป็นการปฏิบัติ ธรรมโดยแท้
เกิดบังดับ โลกบังธรรม งามบังผี ดีบังจริง สมมติบังวิมุตติ หลักธรรมบังพระนิพพาน
แม้ภูเขาสูงแสนสูง หากบุคคลผู้มีความเพียรพยายามปีนป่ายขึ้นไปจนถึงยอด ภูเขาสูงแสนสูงก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าตีนของคนผู้นั้น
การละบาปนั้น บาปมันมายังไง บาปมา ทางจิตใจ เกิดที่จิตใจ โลภ โกรธ หลง มันเป็นบาป ชำระบาปทั้งหลายได้ด้วยการปฏิบัติธรรม รักษาศีล ไม่ให้มันกำเริบ เสิบสาน ไม่ให้มันแก่กล้าขึ้น หากปล่อยไปตามอำนาจมัน ทำให้เดือดร้อนทำลายตัวเอง
กิเลสเป็นเหมือนสนิมเกาะกินใจมนุษย์อยู่ตลอดเวลา หากปล่อยให้มันเกาะกินจิตใจไม่รู้จักระวังรักษา ใจของเราย่อมหมดคุณภาพ เป็นใจเสื่อมโทรม กิเลส มันร้อน มันเป็นไฟ ต้องระวังอย่าลุอำนาจกิเลส อันจะทำให้กระทบกระเทือนผู้อื่นเขา
จิตหรดี คือ จิตที่เด็ดเดี่ยว ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปกับอะไร เป็นมงคลอย่างยิ่ง
----------------------------------------
หลวงปู่มักเตือนว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ
อย่าส่งจิตออกนอก ส่งออกมันเป็นบ่วงแห่งมาร อย่ากินของร้อน (ราคะ โทสะ โมหะ) อย่านอนบนไฟ (โลภ โกรธ หลง) ให้ไปอย่างแร้ง (ไม่ติด ไม่สะสม) แสวงหาบริสุทธิ์ (ของที่ชอบธรรม) อย่าไปรีบ ไปเร่ง อย่าไปเคร่ง ไปเครียด ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ เวลาจะได้ มาเอง นั่นแหละ อย่าไปยึดมั่นในสิ่งใดๆ แม้การปฏิบัติ อย่าไปสนใจจิตของผู้อื่น จงสนใจจิตของตน
การประพฤติปฏิบัติตนของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นภิกษุที่ยึดเหนี่ยวแนวทางของ หลวงปู่ คือ มีน้อยใช้ตามน้อย มีมากเอาไว้สงเคราะห์ผู้ไม่มี อยู่ไปตามมีตามได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ขอใคร ยินดีกับความเพียรเพื่อหวังความพ้นทุกข์ อาหารบิณฑบาตประเสริฐกว่ารับนิมนต์หรือเขามาส่งตามวัด
วารสารหยดน้ำ
ฉบับเดือนกันยายน - ตุลาคม 2552
|